วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2550

David Yates Returns for Harry Potter 6

เดวิด เยทส์ ผู้กำกับ Harry Potter and the Order of the Phoenix ยืนยันกับเว็บไซท์ SCI FI Wire ว่าเขาจะยังคงทำหน้าที่เดิมใน Harry Potter and the Half-Blood Prince ภาคต่อตอนที่ 6 ของผลงานภาพยนตร์แฟรนไชนส์เรื่องนี้"ผมกำลังทำงานใน Half-Blood Prince และผมทำมันเพราะว่าผมรักโลกของเวทย์มนต์แห่งนี้ ผมรักตัวละครทั้งหมด" ผู้กำกับเจ้าของรางวัล BAFTA กล่าว "ผมคิดว่ามันจะยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโลกห่งนี้และตัวละครเหล่านี้อีกมากมาย""ผมชอบโทนหนังที่เปลี่ยนไปในภาค 5 และผมก็อยากจะสานต่อเพื่อพัฒนามันต่อไปในตอนที่ 6 และผมมองเห็นเนื้อเรื่องที่เติบโตขึ้นจากภาค 5 ในภาคที่ 6 และในภาค 6 นี้เรื่องราวมันก็ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นอีกครับ ดังนั้นผมจึงกำลังผจญภัยอยู่ในวัตถุดิบและโลกแห่งนี้อยู่ และผมก็กำลังกระตือรือร้นที่จะทำให้มันออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ"Harry Potter and the Order of the Phoenix จะออกฉายในวันที่ 13 กรกฎาคม ศกนี้ ส่วน Harry Potter and the Half-Blood Prince มีกำหนดออกฉายในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2008

Update






















วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2550

Name Origins : รากฐานของชื่อ


นักเรียน
เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ – ชื่อเฮอร์ไมโอนี่นั้นหมายถึง “พูดเก่ง” ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับอุปนิสัยหรือลักษณะตัวละครของเธอเลย อย่างไรก็ตาม คนในเทพนิยายที่มีชื่อเหมือนเธอคือเฮอร์ไมโอนี่ ลูกสาวของเฮเลนกับเมเนเลียสเรื่องเล่าต่างๆของกรีก ที่เกี่ยวกับเฮอร์ไมโอนี่นั้นโดยปกติ แล้วจะมีการพูดถึงสติปัญญาขั้นสูงของเธอ และในบางครั้งบางคราวสติปัญญานั้นก็ทำให้เธอไม่เป็นที่ชอบพอนัก ซึ่งเกิดขึ้นกับเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์บ่อยครั้งทีเดียว
เดรโก มัลฟอย – ชื่อตัวแรกของเดรโกเป็นคำละตินที่แปลได้ทั้ง “มังกร” และ “อสรพิษ” สัตว์ทั้งสองตัวนี้เตือนให้เราได้นึกถึงความขี้โกงและนิสัยที่ชอบจะ “เลื้อย” ไปทั่วเพื่อทำเรื่องน่าชังของเดรโก

ปาราวตี พาติล – ปาราวตีคือเทพธิดาชาวฮินดู

แฮร์รี่ พอตเตอร์ – ไม่มีความหมายมากมายนักในชื่อของแฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่ก็ยังคงมีหลักฐานอ้างอิงที่แน่นอนในชีวิตเขาซ่อนอยู่ในชื่อ ชื่อ “แฮร์รี่” นั้นธรรมดาอย่างยิ่งในบริเตียน ซึ่งเป็นนัยถึงสภาพราวคนอนาถาของเขายามอยู่กับพวกเดอร์สลีย์ ยิ่งกว่านั้น นามสกุล “พอตเตอร์” อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับชื่อจากคัมภีร์ไบเบิลคือ “ทุ่งพอตเตอร์” อันเป็นสถานที่ซึ่งผู้คนที่ไม่มีใครรู้จักจะถูกฝังไว้ เจ.เค.โรว์ลิ่งได้กล่าวมาหลายครั้งแล้วว่าแฮร์รี่เป็นชื่อเด็กผู้ชายที่เธอโปรดปราน และถ้าเธอมีลูกชาย เขาก็จะมีชื่อเช่นนั้น

จินนี่ วีสลีย์ – ชื่อแรกของจินนี่ย่อมาจากรัฐเวอร์จิเนีย มีความหมายว่า “พรหมจารี” หรือ “บริสุทธิ์” นี่ชวนให้นึกถึงลักษณะที่ค่อนข้างอ่อนหวานและไร้เดียงสาของจินนี่
รอน วีสลีย์ – นักเทพนิยายวิทยาชื่อดัง ชาร์ลส์ ฮาร์ต ได้ทำการขุดคุ้ยนิทานชาวบ้านสก๊อตต์โบราณ และค้นพบข้อมูลส่วนที่น่าสนใจมากซึ่งโรว์ลิ่งอาจจะมีอยู่ในใจตอนตั้งชื่อรอน ตำนานที่ค่อนข้างจะไม่มีชื่อเสียงนั้นกล่าวไว้ว่าแม่ทัพโบราณชื่อ รันนิ่ง วีเซล เป็นนักเล่นหมากรุกที่เก่งอย่างยิ่ง(เหมือนรอน)และตายด้วยอุบัติเหตุอันเกี่ยวกับหนู ที่ถูกย้อมเป็นสีเหลือง -- รอนพยายามจะย้อมเช่นนั้นในเล่มหนึ่ง NOTE: นามสกุล ”วีสลีย์” ดูเหมือนจะไม่มีหลักฐานใดๆที่อ้างอิงถึงคำว่า “วีเซล” เลยนอกจากการสะกดและเสียงที่คล้ายกันแล้ว มันไม่ได้มีนัยว่าสมาชิกครอบครัววีสลีย์ดูท่าทางหน้าตาเหมือนตัววีเซล สิ่งที่เชื่อมต่อกันมีเพียงแค่คำและการสะกด และไม่ได้พิสูจน์สิ่งเชื่อมต่อทางอุปนิสัยใดๆกับครอบครัวนี้เลย

โอลิเวอร์ วู้ด – ชื่อตัวสุดท้าย “วู้ด” ฟังคล้ายคำว่า “แว้ด” ที่หมายถึง “บ้า” หรือ “คลั่ง” อยู่มาก – เช่นเดียวกัน โอลิเวอร์หลงใหลในกีฬาควิดดิชยิ่งและยังบ้าระห่ำมากด้วย
+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+

ศาสตราจารย์โรงเรียนฮอกวอตส์

อัลบัส ดัมเบิลดอร์ – “ดัมเบิลดอร์” หมายถึงแมลงภู่…ที่เหมือนแมลงภู่ก็คือ เขาขยันและเป็นประโยชน์ ชื่อแรกของอาจารย์ใหญ่หรืออัลบัสนั้นสามารถแปลงตรงตัวจากคำละติน “อัลบัส” ได้หมายความว่า “ขาว สว่าง ชัดแจ้ง ส่องประกาย” หรือคำอื่นๆที่คล้ายกัน สิ่งนี้แทนพลังความเมตตากรุณาและเวทมนตร์ขาวอันทรงพลัง ในขณะที่สีขาวเป็นสีของความบริสุทธิ์และความดีอยู่แล้ว เขาชวนให้เรารำลึกถึงเทพเจ้ากรีกซีอุส ผู้นำสูงสุดที่ปกครองทั่วฟ้าและเทพเจ้าองค์อื่นๆ ในแบบเดียวกัน ดัมเบิลดอร์ก็ปกครองทั่วฮอกวอตส์กับครูและนักเรียนทุกคนด้วย

อาร์กัส ฟิลช์ – ภารโรงแห่งฮอกวอตส์มีความสัมพันธ์กันกับเทพนิยาย : อาร์กัสจากเทพนิยายกรีก อาร์กัสมีตาพันตา เอาไว้เฝ้าระวังทั่วปราสาทและหอคอยของเหล่าเทพเจ้า อันที่จริงแล้ว งานของฟิลช์ก็คือเฝ้าระวังฮอกวอตส์และเดินตามระเบียงไปมายามวิกาล เป็นหน้าที่คนยามผู้ซื่อสัตย์นั่นเอง

ฟิลิอัส ฟลิตวิก– ฟิลิอัส เป็นคำละตินที่แปลว่า “ไม่สามารถสังเกตเห็นได้” ส่วนฟลิตวิกคือหอคอยแห่งหนึ่งในอังกฤษ

รูเบอัส แฮกริด – แฮกริดเป็นเหมือนภาพปริศนาคำทายมาก อย่างน้อยชื่อแรกของเขาก็บอกเช่นนั้น และชื่อตัวท้ายของเขาก็บอกเราถึงอุปนิสัย “หน้าตาโหลเหล” (haggardly ที่เสียงเหมือน hagrid) ของเขา ในสำเนาเทพนิยายเองก็มีส่วน ไฟรอาร์ ทักค์ ของ “เหล่าชายผู้ร่าเริงของโรบิน ฮู้ด”

กิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต – ล็อกฮาร์ตเป็นอาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดคนที่สองของแฮร์รี่ที่ฮอกวอตส์ ชื่อแรกของเขาทำให้เราคิดถึงคำคุณศัพท์ “gilded” (ย้อมทอง) - อะไรบางอย่างที่ย้อมทองไว้จะห่อหุ้มด้วยทองเพื่อให้ดูดีกว่าที่เป็นจริงๆ เหมือนมากกับวิธีที่ล็อกฮาร์ตใช้ปกปิดอาชญากรรมของเขา ที่ขโมยความดีความชอบด้วยท่าทางดูดีของตนเอง

รีมัส ลูปิน– ทั้งชื่อตัวแรกและตัวท้ายของลูปินบอกเราถึงความเป็นหมาป่าของเขา -- สามารถแปลงร่างเป็นหมาป่าได้ในวันพระจันทร์เต็มดวง รีมัสคือชื่อจากนิทานเกี่ยวกับพี่น้องชาวโรมัน รีมัสกับโรมิวลัส ซึ่งถูกเลี้ยงดูโดยหมาป่า (โรมิวลัสฆ่ารีมัสในภายหลังและเดินทางไปสร้างเมืองโรมที่อิตาลี) ลูปิน เป็นคำละตินหมายถึง “หมาป่า”

มิเนอร์ว่า มักกอลนากัล – มิเนอร์ว่า(ในเทพนิยายโรมัน) คือเทพีของความเฉลียวฉลาดกับการรบ และถูกให้ความเคารพว่าเป็นเทพีของความมีเหตุผลและความบริสุทธิ์ด้วย สิ่งเหล่านี้เห็นชัดเจนว่าได้มีส่วนเชื่อมต่อกับศาสตราจารย์มักกอลนากัล เช่นความเฉลียวฉลาดที่เห็นได้ชัดเจนและความยุติธรรมท่ามกลางหมู่นักเรียน

อลาสเตอร์ “แมด-อาย” มูดดี้ – ชื่ออลาสเตอร์มีกำเนิดมาจาก “อเล็กแซนเดอร์” ซึ่งหมายถึง “ผู้ป้องกันแห่งหมู่มวลมนุษยชาติ” เช่นเดียวกัน มูดดี้ “ป้องกัน” หมู่มวลพ่อมดเป็นมือปราบมารที่คอยเสาะหาผู้เสพความตายเพื่อฆ่าหรือเปลี่ยนให้เป็น MOM ชื่อเล่น “แมดอาย” นั้นเกี่ยวข้องกับตาวิเศษของมูดดี้อย่างแน่นอน
เซเวอรัส สเนป – ชื่อของอาจารย์วิชาปรุงยานี้บอกเราถึงอุปนิสัยของเขาได้ตรงเผง “เซเวอรัส” เป็นชื่อบอกถึงความเข้มงวดหรืออุปนิสัยชอบกวดขันของสเนป “สเนป” พาดพิงถึงคำว่า “สเนก(งู)” หรือ “อสรพิษ” ซึ่งคล้ายคลึงกับสเนปมาก เช่นเดียวกับที่อสรพิษหรืองูนั้นเป็นสัญลักษณ์บ้านของสเนปคือสลิธิรีน สเนปยังหมายถึงหอคอยแห่งหนึ่งในบริเตียนที่ เจเค โรว์ลิ่งเคยไปเที่ยวบ่อยๆด้วย

สเปราต์ – มีความเชื่อมต่อที่ค่อนข้างจะน่าตลกอยู่ระหว่างชื่อของศาสตราจารย์สเปราต์ กับตำแหน่งของเธอที่ฮอกวอตส์ เธอเป็นอาจารย์สอนวิชาสมุนไพรศาสตร์ และ “สเปราต์ (ต้นกล้า)” ก็เป็นคำที่มีความสัมพันธ์กับต้นไม้ที่เธอใช้สอนนักเรียนอยู่บ่อยๆ

ซีบิล ทรีลอว์นีย์ – ชื่อแรกของศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์หมายถึง “เทพพยากรณ์” หรือ “นักทำนายโชคชะตา” ที่บอกถึงตำแหน่งของเธอที่ฮอกวอต์ในฐานะอาจารย์วิชาพยากรณ์ศาสตร์

ควีเรลล์ – คำว่า “ควีเรลล์” บอกใบ้ถึงความประพฤติแบบ “ชวนทะเลาะ (Quarrelsome)” ของครูคนนี้ ในวิธีที่เขาดูมีตำแหน่งในฮอกวอตส์แต่แท้จริงแล้วคือผู้ช่วยเหลือโวลเดอมอร์ (เช่นเดียวกับร่างกายที่ถูกแบ่งไปของเขาในเล่มหนึ่ง) “ควีเรลล์” ยังฟังดูคล้าย “สควีเรลล์(กระรอก)” มากด้วย และการพูดติดอ่างกับการแสดงกิริยาของศาสตราจารย์คนนี้ก็ดูเหมือนกระรอกมาก
+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+

ตัวละครอื่นๆ

ซิเรียส แบล็ค – “ซิริอัส” คือหมู่ดาวที่มักจะหมายถึง “ดาวสุนัข” บ่อยๆ ดังนั้น ซิเรียส แบล็คจึงเป็นชื่อสำหรับความเป็นอนิเมจัสในรูปแบบสุนัขสีดำนั่นเอง

เฟลอร์ เดอลากูร์ – ชื่อทั้งตัวของเฟลอร์ (ทั้งตัวแรกและตัวสุดท้าย) หมายถึง “ดอกไม้แห่งราชสำนัก” ในภาษาฝรั่งเศส

ลูเซียส มัลฟอย – “ลูเซียส” ฟังดูเหมือน ลูซิเฟอร์ มาก ที่เป็นอีกชื่อของซาตาน ชื่อมัลฟอยนั้นมาจากภาษาละติน เมลฟิคัส หมายถึง “ผู้กระทำบาป” แต่ละชื่อนี้บอกเราอย่างชัดเจนถึงนิสัยอย่าง “ปีศาจ”

นาร์ซิสสา มัลฟอย – ชื่อของมิสซิซมัลฟอยเป็นชื่อจากเทพนิยายกรีก นาร์ซิสซัสเป็นชายที่ตกหลุมรักตัวเองหลังมองรูปสะท้อนของเขาบ่อยครั้ง ขณะเขากำลังชื่นชมตัวเองในสระว่ายน้ำอยู่นั้น เขาก็ตกน้ำตาย

ทอม ริดเดิ้ล – ตัวอย่างจากหนังสือ Exploring Harry Potter ของอีลิซาเบ็ทธ์ ดี. สเคเฟอร์ บอกว่า “เหมือนชื่อของตัวเอง ริดเดิ้ล(หมายถึงคำปริศนาหรือลึกลับ) สร้างคำถามมากกว่าคำตอบ และเล่นเป็นตัวพระเอกลึกลับในความรู้สึกของแฮร์รี่” เช่นเดียวกัน ชื่อเต็มของทอม(Tom Marvolo Riddle) ที่เห็นในเล่มสอง สามารถเรียงใหม่ได้เป็น “I AM LORD VOLDEMORT”(ฉันคือ ลอร์ด โวลเดอมอร์)

ริต้า สกีตเตอร์ – คำว่า “สกีตเตอร์” มีความสัมพันธ์กับ “ท่องไปอย่างรีบด่วน”, “กระจายไปทั่ว” และ ”คลาน” ทั้งหมดเป็นคำกริยาที่เกี่ยวกับแมลงปีกแข็ง ซึ่งริต้าสามารถแปลงร่างได้ตามใจปรารถนา

ลอร์ด โวลเดอมอร์ – “โวลเดอมอร์” เป็นคำฝรั่งเศสที่หมายถึง “เที่ยวบินแห่งความตาย” ความคิดอื่นๆก็คือรากศัพท์ “มอร์” ซึ่งรวมคำ “มอร์”(ความตาย), “มอร์ติฟาย”(ลงโทษ), และ”มอร์ทัวรี่”(ที่ฝังศพ) ไว้
+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+

สัตว์วิเศษ ผี ฯลฯ

ฟอกส์ – ฟอกส์ นกฟีนิกซ์สัตว์เลี้ยงของดัมเบิลดอร์ ตั้งชื่อมาจาก กาย ฟอกส์ ผู้นำที่มีชื่อเสียงในความพยายามที่จะระเบิดตึกรัฐสภาแห่งอังกฤษในปี ค.ศ. 1605 (มักจะถูกเรียกกันว่า “อุบายดินปืน”)

ฟิเรนเซ่– ชื่อของเซนทอร์ตัวนี้เป็นคำอิตาเลียนของเมือง “ฟลอเรนซ์”

เฮ็ดวิก– เป็นนักบุญชาวเยอรมันที่มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่สิบสองหรือสิบสาม นักบุญหญิงผู้นี้ส่งสารถึงพวกชาวเมือง

เฮอร์มีส – เฮอร์มีสเป็นชื่อผู้ส่งสารของพระเจ้าในเทพนิยายกรีก

พีฟฟ์ – ความหมายในชื่อของพีฟส์นั้นชัดเจนมาก – การที่จะ “พีฟ(ทำให้โกรธ)” คือการที่จะแกล้งรังแกหรือกวนใจนั่นเอง นอกจากนี้ พีฟส์ยังมักจะสร้างปัญหาและก่อความโกลาหลในฮอกวอตส์อีกด้วย

โรนัน– โรนันเป็นนักบุญชาวไอริช และที่น่าสนใจคือ เซ็นทอร์โรนันนั้นมีผมสีแดงด้วย!
+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+

วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2550

แฮรี่ พอตเตอร์ มาแล้ว!!!





ใน “Harry Potter and the Order of the Phoenix” แฮร์รี่กลับมาฮอกวอตส์เพื่อเรียนต่อปีที่ห้า เขากลับได้พบว่าบรรดาพ่อมดแม่มดต่างพากันเชื่อว่าเรื่องการเผชิญหน้าระหว่างหนุ่มวัยรุ่นและจอมมารลอร์ดโวลเดอมอร์นั้นเป็นเรื่องโกหก ซึ่งทำให้พวกเขาตั้งคำถามในความน่าเชื่อถือของแฮร์รี่ ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ คอร์นีเลียส ฟัดจ์ ได้แต่งตั้งอาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดคนใหม่ ศาสตราจารย์โดโลเรส อัมบริดจ์ผู้ตีสองหน้า แต่วิชาการใช้เวทมนตร์ป้องกันตัวของศาสตราศาสตราจารย์โดโลเรส อัมบริดจ์ ซึ่ง “ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงฯ” กลับทำให้พวกพ่อมดแม่มดรุ่นเยาว์ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถป้องกันตนเองจากศาสตร์มืดที่คุกคามพวกเขาได้
ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้พวกเพื่อนๆ ของเขาอย่างเฮอร์ไมโอนี่ และรอน แฮร์รี่จึงตั้งใจที่จะรับมือกับทุกอย่างด้วยตัวของเขาเอง ด้วยการพบกันอย่างลับๆ ของกลุ่มนักเรียนไม่กี่คนซึ่งตั้งชื่อให้กับตนเองว่า “กองทัพดัมเบิลดอร์” แฮร์รี่สอนพวกเขาให้ป้องกันตัวจากศาสตร์มืด เพื่อเตรียมให้พวกพ่อมดแม่มดรุ่นเยาว์ที่กระตือรือล้นพร้อมเผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาซึ่งรออยู่เบื้องหน้า

วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส ภูมิใจเสนอผลงานของ Heyday Films เรื่อง “Harry Potter and the Order of the Phoenix” ภาพยนตร์นำแสดงโดย แดเนียล แรดคลิฟฟ์, รูเพิร์ต กรินท์, เอ็มม่า วัตสัน, เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์, ร็อบบี้ โคลเทรน, วอร์วิค เดวิส, ราล์ฟ เฟนส์, ไมเคิล แกมบอน, เบรนแดน กลีสัน, ริชาร์ด กริฟฟิธส์, เจสัน ไอแซคส์, แกรี่ โอลด์แมน, อลัน ริคแมน, ฟิโอน่า ชอว์, แมกกี้ สมิธ, อิเมลด้า สทอนตัน, เดวิด ธิวลิส, เอ็มม่า ทอมป์สัน, และจูลี่ วอลเตอร์ส
ภาพยนตร์กำกับการแสดงโดยเดวิด เยทส์ จากบทภาพยนตร์โดย ไมเคิล โกลเดนเบิร์ก จากนวนิยายโดย เจ.เค. โรว์ลิ่ง ; เดวิด เฮย์แมน และเดวิด แบร์รอนเป็นผู้อำนวยการสร้าง, โดยมีลิโอเนล วิแกรม เป็นผู้อำนวยการบริหาร
ผู้ร่วมงานเบื้องหลังกับผู้กำกับฯ ได้แก่ ผู้กำกับภาพ สลาวอเมียร์ อิดเซียค และผู้กำกับฝ่ายศิลป์ สจ๊วต เครก ผู้ลำดับภาพ มาร์ค เดย์ กับผู้ประพันธ์เพลงประกอบ นิโคลัส ฮูเปอร์, เจนี่ เทมีน เป็นผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย
“Harry Potter and the Order of the Phoenix” จัดจำหน่ายโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส หนึ่งในกลุ่มบริษัทวอร์เนอร์ บราเดอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์

ปิดตำนาน "แฮรี่ พอตเตอร์" ทั้งใจสลาย-เป็นสุข


เจเค.โรว์ลิ่ง เผย“แฮรี่ พอตเตอร์ แอนด์ เดอะ เดธลีย์ ฮอลโลว์ส” ตอนสุดท้ายของนิยายพ่อมดน้อยจบลง ผสมผสานทั้งใจสลายและเป็นสุขในเวลาเดียวกัน เจเค. โรว์ลิ่ง นักเขียนเจ้าของนวนิยายเด็กชุดแฮรี่ พอตเตอร์ เปิดเผยในบทความเผยแพร่ในเว็บไซต์ http://www.jkrowling.com/ ระบุว่า ความรู้สึกของเธอที่มีต่อการเขียนนิยาย “แฮรี่ พอตเตอร์ แอนด์ เดอะ เดธลีย์ ฮอลโลว์ส” ตอนสุดท้ายของนิยายพ่อมดน้อยจบลง ผสมผสานทั้งใจสลายและเป็นสุขในเวลาเดียวกัน
โรว์ลิ่ง ระบุว่า เธอต้องขอบคุณแฟน ๆ ในความสำเร็จทั้งหนังสือและภาพยนตร์ของแฮรี่ พอตเตอร์ เธอกำหนดไว้แล้วว่า เรื่องราวแฮรี่ พอตเตอร์ จะต้องสิ้นสุดในเล่มที่ 7 ตั้งแต่การเขียนเล่มแรก การเขียนบทสุดท้ายจบลงทำให้เธอแทบไม่เชื่อตัวเองว่างานที่วางแผนมานานหลายปีจะสิ้นสุดลง
อย่างไรก็ตาม โรว์ลิ่ง เลี่ยงที่จะไม่เปิดเผยการคาดหมายชะตากรรมของแฮรี่ พอตเตอร์ มากไปกว่าที่เคยแย้มว่าตัวละครสำคัญซึ่งมีบทบาทตั้งแต่เล่มแรก 2 คน จะต้องตายในเล่มสุดท้ายนี้ ระบุว่า แฟน ๆ ของแฮรี่ จะได้ทราบเมื่อหนังสือออกวางจำแหน่ายทั่วโลกในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้
วงการหนังสือคาดว่า การวางจำหน่ายแฮรี่ พอตเตอร์ เล่ม 7 จะเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ของแวดวงวรรณกรรมในรอบหลายปี แฮรี่ พอตเตอร์ ทั้ง 6 ภาคก่อน ทำยอดจำหน่ายประมาณ 325 ล้านเล่มทั่วโลก ส่งผลให้โรว์ลิ่ง เป็นนักเขียนรายแรกในประวัติศาสตร์ที่มีรายได้เกินหลัก 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ยังทำให้สำนักพิมพ์สกอร์ลาติก ในสหรัฐ และบลูมส์บิวรี ในอังกฤษ มีรายได้มหาศาล

“แฮรี่ พอตเตอร์” ภาคอวสานเจ๋งยอดจองทุบสถิติ

สหรัฐ- สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัท บาร์นส แอนด์ โนเบิล อิงค์ บริษัทหนังสือยักษ์ใหญ่สหรัฐที่มีสาขาทั่วประเทศออกแถลงการณ์ ระบุว่า ยอดจองหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ แอนด์ เดอะ เดธลี่ ฮอลโลว์ส อันเป็นภาคจบของนวนิยายพ่อมดน้อยมียอดสั่งจองล่วงหน้าสูงเกินกว่า 5 แสนเล่ม ทำสถิติยอดสั่งจองล่วงหน้าสูงสุดของบาร์นส แอนด์ โนเบิล

นวนิยายแฟนตาซีแฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่ม 7 นี้ เจ.เค. โรว์ลิง ยังคงเก็บตอนจบของเรื่องไว้เป็นความลับสุดยอด ทำให้บรรดาแฟนหนังสือทั่วโลก คาดเดาตอนจบกันไปต่างๆ นานา ขณะเดียวกันต่างก็เฝ้ารอคอยการวางจำหน่ายที่กำหนดอย่างเป็นทางการพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้

นวนิยายชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่ผ่านมาทั้ง 6 ภาคได้รับความนิยมไปทั่วโลก มีการแปลเป็นภาษาต่างๆ จำนวนมาก รวมถึงการสร้างเป็นภาพยนตร์ไปแล้ว 4 ภาค ส่งผลให้ เจ.เค. โรว์ลิง ผู้ประพันธ์กลายเป็น 1 ในมหาเศรษฐีของอังกฤษในปัจจุบัน

ประวัติส่วนตัว แดเนียล แรดคลิฟฟ์ (Daniel Radcliffe)


ประวัติส่วนตัว :
บ้านเกิด : England, UK
แดเนียล แรดคลิฟฟ์ วัย14 ปี กลับมาอีกครั้งในบทหนุ่มน้อยแฮร์รี่ พอตเตอร์ ซึ่งเป็นบทบาทที่เขาได้แสดงเอาไว้ด้วยตนเองในเรื่อง Harry Potter and the Sorcerer’s Stone และ Harry Potter and the Chamber of Secrets
การรับบทเป็นหนุ่มน้อยแฮร์รี่ พอตเตอร์ ทำให้แดเนียลได้รับการชื่นชมไปทั่วโลก และรางวัล Variety Club of Great Britain’s Best Newcomer Award ที่ได้มอบให้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2002 ในเดือนเมษายนปี 2002 และเขายังได้รับเกียรติจากรางวัล David Di Donatello Award จาก Ente David Di Donatello ของประเทศอิตาลี – จากการถ่ายทอดบทแฮร์รี่ พอตเตอร์ได้อย่างยอดเยี่ยม และสำหรับการอุทิศตนให้กับอนาคตของวงการภาพยนตร์
แดเนียลปรากฎตัวทางโทรทัศน์อังกฤษเมื่อเดือนธันวาคม 1999 เมื่อเขาได้รับบท เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์วัยเด็ก ทางรายการยอดฮิตของ BBC David Copperfield ดราม่าที่ได้กำกับฯ โดย ไซมอน เคอร์ติส และร่วมแสดงโดย ดาม แมกกี้ สมิธ ซึ่งในตอนนี้ร่วมแสดงกับเขาในบท ศาสตราจารย์ มักกอนนากัล
ก่อนทำงานในภาพยนตร์ Harry Potter เรื่องแรก เขาได้แสดงในภาพยนตร์เป็นครั้งแรก ในบทลูกชายของเจมี่ ลี เคอร์ติส และเจฟฟรีย์ รัช ในหนังของจอห์น บัวร์แมน เรื่อง The Tailor of Panama
ระหว่างเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมปี 2002 เขาได้เป็น “แขกรับเชิญที่ไม่คาดฝัน” ในหลายรอบของคอมเมดี้ที่ได้รับรางวัล Olivier Award เรื่อง THE PLAY WHAT I WROTE กำกับการแสดงโดย เคนเนธ บรานัคที่โรงละคร Wyndhams Theatre ในเวสท์เอนด์ ลอนดอน

หนังสือ "แฮรี่ พอตเตอร์" เล่มสุดท้ายได้ชื่อแล้ว


หนังสือ "แฮรี่ พอตเตอร์" เล่มสุดท้ายได้ชื่อแล้ว บริษัทผู้พิมพ์และโฆษณา"สคอลาสติค อิงค์"ของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์สั้นๆว่า หนังสือเล่มที่ 7 ซึ่งเป็นเล่มสุดท้ายในซีรี่ส์วรรณกรรมเยาวชนยอดนิยมเกี่ยวกับพ่อมดน้อยแฮรี่ พอตเตอร์ ของ เจ เค โรวลิ่ง นักประพันธ์หญิงชาวอังกฤษวัย 41 ปี ได้ชื่ออย่างเป็นทางการแล้วว่า "แฮรี่ พอตเตอร์ แอนด์ เดอะ เดดลี่ ฮอลโลว์ส" (Harry Potter and the Deathly Hallows) ซึ่งมีความหมายว่า "แฮรี่ พอตเตอร์ กับเสียงเพรียกแห่งความตาย" แต่บริษัท่ไม่ได้ระบุวันวางจำหน่ายหรือรายละเอียดอื่นใด ขณะที่ภาพยนต์ซึ่งสร้างจากหนังสือเล่มที่ 5 ชื่อ"แฮรี่ พอตเตอร์ แอนด์ ดิ ออร์เดอร์ ออฟ เดอะ ฟีนิกซ์"(Harry Potter and the Order of the Phoenix ) อยู่ในระหว่างการถ่ายทำ และมีกำหนดออกฉายในปีหน้า
หนังสือ 6 เล่มในชุดเดียวกันที่ออกมาก่อนหน้านี้ มียอดขายทั่วโลกมากกว่า 300 ล้านเล่ม และได้มีการแปลมากกว่า 63 ภาษา ทำให้นางโรวลิ่งกลายเป็นสตรีผู้มีรายรับสูงสุดในอังกฤษ เธอยอมรับในเว๊ปไซต์ของเธอในสัปดาห์นี้ว่า เครียดมากตอนเขียนบทท้ายๆของหนังสือเล่มล่าสุด ซึ่งเธอระบุเป็นนัยว่า"แฮรี่ พอตเตอร์"อาจจบชีวิต หลังจากก่อนหน้านี้ เธอเคยเปิดเผยว่า มีตัวเอกสองตัวที่จะจบชีวิตลง แต่ไม่ได้ระบุว่ารวมถึง"พอตเตอร์" ด้วยหรือไม่ เธอระบุในเว็บไซต์ด้วยว่า เธอกำลังเขียนฉากต่างๆ ที่ได้วางแผนมานานถึง 12 ปีแล้วหรือนานกว่านั้น เธอทั้งต้องการและไม่ต้องการที่จะเขียนหนังสือเล่มนี้ให้จบลง แต่เธอก็วงเล็บไว้ด้วยว่า แฟนหนังสือไม่ต้องเป็นห่วงเพราะเธอจะเขียนให้จบแน่ๆ

เผยโฉมปก แฮร์รี่ พอตเตอร์

หน้าปกนิยายแฟนตาซีขวัญใจแฟนทั่วโลก"แฮร์รี่ พอตเตอร์" ในเล่มสุดท้าย เล่มที่ 7 ชื่อว่า "Harry Potter and the Deathly Hallows" ที่จะออกวางในวันที่ 21กรกฎาคมนี้ เผยโฉมออกมายั่วน้ำลายแฟน ๆ นักอ่านกันแล้ว


โดยหน้าปกแฮร์รี่ พอตเตอร์ภาคล่าสุดดังกล่าวเป็นรูปภาพสีทองและท้องฟ้าสีส้ม และมีภาพเด็กหนุ่มใส่แว่นที่คุ้นหน้ากันดีบนหน้าปกแฮร์รี่ในเล่มอื่น ๆ 6 เล่มที่ผ่านมา เป็นผลงานของนักวาดภาพประกอบเจ้าเก่าคนเดิม "แมรี่ แกรนด์พรี" ในฉบับของสำนักพิมพ์ Scholastic จากฝั่งอเมริกา



โครงสร้างรูปอื่น ๆ รอบ ๆ แฮร์รี่ จะแสดงให้เห็นถึงหลักฐานที่ถูกทำลายล้าง และในเงาข้างหลังเขา(แฮร์รี่) เราก็จะเห็นเป็นเค้าร่างของคนอื่น และจะเป็นครั้งแรกที่หน้าปกจะห่อมาด้วย ส่วนปกหลังก็จะมีมือขยุกขยิกกางชี้ตรงไปที่แฮร์รี่ แล้วพอเปิดหนังสือมาก็จะเห็นภาพอันทรงพลังของ ´คนที่คุณก็รู้ว่าเป็นใคร´ กับดวงตาสีแดงสะท้อนแสงส่องออกมาจากหมวกของเขา
สำหรับนิยายแฟนตาซีซีรีส์ภาคต่อผลงานของนักเขียนชื่อดัง "เจเค โรว์ลิ่ง" เรื่องนี้ ขายไปได้แล้วทั่วโลกกว่า 325 ล้านเล่ม ส่วนตอน "Deathy Hallows" แถลงข่าวการตีพิมพ์ครั้งแรก 12 ล้านเล่มในสหรัฐฯเท่านั้นที่แถลงข่าว





ฉบับเด็กจากสำนักพิมพ์ Bloomsbury

ส่วนปกฉบับเด็กโดยสำนักพิมพ์ Bloomsbury จากฝั่งอังกฤษของเจเค เป็นภาพของแฮร์รี่ , เฮอร์ไมโอนี่ และรอน ที่ดูโตเป็นผู้ใหญ่ทีเดียว ขณะที่หน้าปกของฉบับผู้ใหญ่เป็นภาพถ่ายตัว "S" อันคดเคี้ยวเหมือนงู เชื่อว่าจะเป็น "ฮอร์ครูกซ์" ที่โวลเดอมอร์เก็บดวงวิญญานของเขาที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ไว้.




ฉบับผู้ใหญ่










เรื่องย่อแฮรี่ ภาคจบ








เปิดฉากที่งานแต่งงานของบิลและเฟลอร์ หลังงานแต่ง แฮรี่ลาเพื่อนๆเพื่อที่จะตามหา Horcruxes และไม่กลับไปฮอกวอร์ตแม้ว่าเพื่อนๆจะขอติดตามไปด้วยแต่แฮรี่ก็แอบหนีไปคนเดียวฮ็อกวอร์ตถึงแม้จะยังเปิดสอนภายใต้อาจารย์ใหญ่คนใหม่ มัคกอลนากัลแต่นักเรียนที่กลับมาในปีนี้ ก็ลดจำนวนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด D.A.กลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้งและครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ห้องลับเป็นชมรมอีกแล้วเพราะอาจารย์ในโรงเรียนต่างก็ยอมรับ และกลุ่ม Order of Phoenixผลัดกันมาช่วยสอนทำให้วิชา Defense against dark art ของกลุ่มพัฒนาไปอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเนวิลล์ และจินนี่ และกลุ่ม D.A.ก็เฝ้ารอว่าสักวันแฮรี่จะส่งสัญญาณให้พวกเขาเข้าช่วยในการปราบโวลเดอร์มอร์ฝ่ายแฮรี่ ได้รับการช่วยเหลือจากบุคคลลึกลับทำให้รู้การเคลื่อนไหวของโวลเดอร์มอร์และสามารถขัดขวางโวลเดอร์มอร์ได้หลายครั้ง รวมถึงร่องรอยของ R.A.B.ด้วยและเมื่อตามรอย R.A.B. ไปถึงอัซคาบัล เขาจึงค้นพบว่า R.A.B.แท้จริงคือน้องชายของซีเรียส แบล็ค ที่ถูกคุมขังในอัซคาบัลซึ่งได้ตายไปแล้วโดย R.A.B.ซึ่งเป็นลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ของโวลเดอร์มอร์เป็นผู้ช่วยของโวลเ ดอร์มอร์ในการทำHorcruxes และนำไปซ่อน แต่ต่อมา R.A.B.ระแวงว่าโวลเดอมอร์กำลังจะกำจัดเขาเพื่อปิดปากไม่ให้เรื่อง Horcruxes รั่วไหล เขาจึงแอบไปเก็บHorcruxesมาเปลี่ยนที่ซ่อน โดยเขารู้ Horcruxesจำนวนห้าชิ้น(อีกสองชิ้นคือตัวโวลเดอร์มอร์ และงู)และได้กระจายไปยังญาติๆตระกูลแบล็คเพื่อเก็บรักษา(ไดอารี่เก็บไว้ที่แม่ของมัลฟอย)แฮรี่ขอความช่วยเหลือจากท็องส์เพื่อสืบหาคนในตระกูลแบล็คที่น่า จะเก็บของที่เหลืออีกสามชิ้น (สองชิ้นเจอแล้ว) และพบว่าชิ้นหนึ่งอยู่ที่เบลลาทริกซ์ซึ่งแฮรี่และท็องส์สามารถกำจัดเบลล่า และทำลาย horcruxes ได้อีกชิ้นหนึ่งเป็นสมบัติของซีเรียส แบล็ค ที่อยู่ใกล้ตัวแฮรี่มากๆแต่แฮรี่มองข้ามไป จนกว่าจะรู้ตัวก็เกือบไม่ทัน ( R.A.Bก็เข้าใจว่าซีเรียสเป็นDead eater จึงเก็บไว้กับซีเรียสส่วนนึง)และอีกส่วนหนึ่งซึ่งยังหาไม่เจอและคาดว่า R.A.B.จะเก็บไว้เองในขณะเดียวกันที่ฮอกวอร์ต เฮอร์ไมโอนี่ (ซึ่งติดต่อกับแฮรี่และรู้เรื่องราวโดยตลอด)ก็จับสังเกตในตัวครีเชอร์ได้และสันนิษฐานว่าHorcruxes อีกชิ้นซ่อนอยู่ในบ้านของแบล็คที่ปัจจุบันตกเป็นของแฮรี่แฮรี่กลับไปที่บ้านเลขที่ 12 และค้นหาจนเจอ Horcruxและทำลายจนสำเร็จและเขารู้ว่าถ้าเขาฆ่างูได้สำเร็จโวลเดอร์มอร์ก็จะเหลือแค่ชีวิตเดียวด้วยความช่วยเหลือของบุคคลลึกลับแฮรี่สามารถแฝงกายเข้าไปในที่กบดารของโวลเดอร์มอร์ได้และเขาพยายามหาทางฆ่างูของโวลเดอร์มอร์จนสำเร็จและขณะจะเข้าไปลุยโวลเดอร์มอร์แบบยอมตาย(เพราะเข้าใจว่าเหลือจิ ตเดียวแล้ว)แต่โดนสเนปขัดขวาง ด้วยความโกรธแค้น แฮรี่ฆ่าสเนปจนตายก่อนพบว่านี่เป็นกับดักที่ล่อให้เขามาติดกับแต่ทันใดนั้นมัลฟอยก็โผล่มาช่วยแฮรี่ได้ทัน และหนีไปที่ฮอกวอร์ตที่ฮอกวอร์ตมัลฟอยเล่าให้ฟังว่าสเนปคือคนที่ส่งความเคลื่อนไหวของโวลเดอร์ม อร์ให้แฮรี่และOrder of Phenix มาโดยตลอดอย่างลับๆทำให้โวลเดอร์มอร์ไม่สามารถทำอะไรได้สะดวกแฮรี่ไม่ยอมเชื่อจนพบความทรงจำของดัมเบิลดอร์และพบว่าเป็นตอนที่ดัมเบิลดอร์ขอร้องให้สเนปฆ่าเขาเพื่อแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มโวลเดอร์มอร์ได้สนิทมัลฟอยเล่าให้ฟังว่าสเนปสามารถโน้มน้าวมัลฟอยให้ถอนตัวจาก Deadeater ได้แต่โวลเดอร์มอร์ก็สงสัยจึงวางแผนให้สเนปส่งข่าวผิดๆให้แฮรี่เพื่อวางกับดักเพื่อล่อทั้งแฮรี่และสเนป และมัลฟอยยังบอกอีกว่างูไม่ใช่ Horcruxที่แท้จริงแต่โวลเดอร์มอร์หลอกให้แฮรี่ตายใจเท่านั้น สรุป ยังมี horcruxที่หลงเหลืออยู่และไม่รู้ว่าเป็นอะไร แฮรี่เสียใจมากที่ตัวเองฆ่าเสเนปไปทันใดนั้น โวลเดอร์มอร์ และ กลุ่ม Dead eaterก็บุกเข้ามาในฮอกวอร์ต กลุ่มD.A.ช่วยกันสู้เต็มที่แต่ก็ต้านไว้แทบไม่ไหวโวลเดอร์มอร์ไล่ล่าแฮรี่ด้วยตัวเองจนเหลือแต่แฮรี่และเนวิลล์ในห้องของอาจารย์ใหญ่ และตัวโวลเดอร์มอร์โวลเดอร์มอร์เฉลยว่า Horcruxอีกอันนึงก็คือแผลเป็นบนหน้าผากแฮรี่(โดยการฆ่าเจมส์พอตเตอร์เพื่อสร้างhorcrux นี้) และเป็น Horcrux ที่จะทำให้โวลเดอร์มอร์ชนะเพราะจากคำทำนายจะมีผู้รอดชีวิตเพียงคนใดคนหนึ่ง ซึ่งถ้าแฮรี่รอดนั่นก็หมายถึงโวลเดอร์มอร์รอดด้วย ซึ่งจะไม่เป็นตามคำทำนายฉะนั้นแฮรี่จึงต้องเป็นฝ่ายตายแฮรี่ยังคงสู้กับโวลเดอร์มอร์เต็มที่แม้จะได้ยินอย่างนั้น เขาใช้ดาบกริฟฟินดอร์สู้กับโวลเดอร์มอร์ก่อนจะโยนดาบให้เนวิลล์และร้องบอกให้เนวิลล์แทงโวลเดอร์มอร์โวลเดอร์มอร์มัวแต่ระวังแฮรี่จึงโดนเนวิลล์แทงจนตายแฮรี่บอกเนวิลล์และทุกคนว่าคำทำนายจริงๆหมายถึงเนวิลล์ ไม่ใช่แฮรี่(แต่โวลเดอร์มอร์ไม่รู้เพราะเขาได้ยินคำทำนายมาจากสเนปอีกทีซึ่งไม่ครบถ้วนทำให้เขาคิดว่าเป็นแฮรี่) แต่ที่แฮรี่มีอำนาจพิเศษต่างๆเช่นภาษางูหรือเชื่อมจิตใจกับโวลเดอร์มอร์ได้เป็นเพราะแผลเป็นซึ่งเป็นhorcrux นั่นเองและพอเขารู้ตัวว่าเป็นเพราะเหตุนี้จึงคิดว่าน่าจะเป็นไปได้ที่เนวิลล์(ซึ่งไม่อยู่ในสายตาโวลเดอร์มอร์) อาจเป็นคนในคำทำนายก็ได้ซึ่งเขาคิดถูกแฮรี่รู้ตัวว่า Horcrux แผลเป็นกำลังมีพลังมากขึ้นและกำลังจะครอบงำเขาให้เขาเป็นโวลเดอร์มอร์ต่อไป จึงขอร้องให้เนวิลล์กำจัดเขาอีกคนเนวิลล์ไม่ยอมแฮรี่จึงบอกว่าหลายคนเสียสละชีวิตเพื่อกำจัดลอร์ดโวลเดอร์มอร์ดัมเบิลดอร์สเนปซีเรียส รวมถึงพ่อและแม่ของเนวิลล์ซึ่งการตายของแฮรี่เทียบไม่ได้กับคนอื่นเนวิลล์กลั้นใจกำจัดแฮรี่ที่งานศพของแฮรี่ ป้าเพ็ตทูเนียมาร่วมงานศพ และเล่าให้ทุกคนฟังว่าโวลเดอร์มอร์ขณะเป็นทอม ริดเดิ้ล ได้พบรักกับหญิงธรรมดาคนหนึ่งและมีลูกสาวสองคน แต่พอทอมเริ่มเปลี่ยนมาเป็นโวลเดอร์มอร์ทำให้ผู้หญิงคนนั้นเริ่มทนไม่ได้และหนีไปโดยความช่วยเหลือของดัมเบิลดอร์ดัมเบิลดอร์ช่วยให้เธอหลบซ่อน เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามและใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาที่สุด ลูกสาวคนโต ซึ่งเป็นสควิปไม่มีเวทมนตร์ใดๆและเกลียดโลกของเวทมนตร์มาก แต่ลูกสาวคนเล็กซึ่งมีวี่แววความเป็นแม่มดตั้งแต่เด็กได้เข้าเรียนในฮอกวอร์ตภายใต้ชื่อลิลลี่อีแวน ซึ่งตอนที่โวลเดอร์มอร์ฆ่าเจมส์ และกำลังทำ horcruxบนตัวแฮรี่ลิลลี่เข้ามาขัดขวาง และด้วยพลังความรักของแม่และความเป็นสายเลือดเดียวกันกับโวลเดอร์มอร์ทำให้เมื่อโวลเดอร์มอร์จะกำจัดลิลลี่เกิดพลังย้อนกลับทำร้ายโวลเดอร์มอร์จนร่างกายสูญสลายไปและเนื่องจากเหลือแฮรี่คนเดียวทุกคนจึงเข้าใจว่าแฮรี่มีพลังบางอย่างที่ทำลายโวลเดอร์มอร์(แต่ความจริงเป็นลิลลี่) และมีแต่ดัมเบิลดอร์ที่รู้ความจริงและเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พี่สาวลิลลี่ฟังเพื่อขอร้องให้เธอรั บเลี้ยงเด็กชายผู้รอดชีวิต

Harry Potter

Why We Love Harry Favorite Moments from the SeriesThere are plenty of reasons to love Rowling's wildly popular series--no doubt you have several dozen of your own. Our list features favorite moments, characters, and artifacts from the first five books. Keep in mind that this list is by no means exhaustive (what we love about Harry could fill ten books!) and does not include any of the spectacular revelatory moments that would spoil the books for those (few) who have not read them. Enjoy.Harry Potter and the Sorcerer's Stone* Harry's first trip to the zoo with the Dursleys, when a boa constrictor winks at him. * When the Dursleys' house is suddenly besieged by letters for Harry from Hogwarts. Readers learn how much the Dursleys have been keeping from Harry. Rowling does a wonderful job in displaying the lengths to which Uncle Vernon will go to deny that magic exists. * Harry's first visit to Diagon Alley with Hagrid. Full of curiosities and rich with magic and marvel, Harry's first trip includes a trip to Gringotts and Ollivanders, where Harry gets his wand (holly and phoenix feather) and discovers yet another connection to He-Who-Must-No-Be-Named. This moment is the reader's first full introduction to Rowling's world of witchcraft and wizards.* Harry's experience with the Sorting Hat.Harry Potter and the Chamber of Secrets* The de-gnoming of the Weasleys' garden. Harry discovers that even wizards have chores--gnomes must be grabbed (ignoring angry protests "Gerroff me! Gerroff me!"), swung about (to make them too dizzy to come back), and tossed out of the garden--this delightful scene highlights Rowling's clever and witty genius. * Harry's first experience with a Howler, sent to Ron by his mother. * The Dueling Club battle between Harry and Malfoy. Gilderoy Lockhart starts the Dueling Club to help students practice spells on each other, but he is not prepared for the intensity of the animosity between Harry and Draco. Since they are still young, their minibattle is innocent enough, including tickling and dancing charms.Harry Potter and the Prisoner of Azkaban* Ron's attempt to use a telephone to call Harry at the Dursleys'. * Harry's first encounter with a Dementor on the train (and just about any other encounter with Dementors). Harry's brush with the Dementors is terrifying and prepares Potter fans for a darker, scarier book. * Harry, Ron, and Hermione's behavior in Professor Trelawney's Divination class. Some of the best moments in Rowling's books occur when she reminds us that the wizards-in-training at Hogwarts are, after all, just children. Clearly, even at a school of witchcraft and wizardry, classes can be boring and seem pointless to children. * The Boggart lesson in Professor Lupin's classroom. * Harry, Ron, and Hermione's knock-down confrontation with Snape.Harry Potter and the Goblet of Fire* Hermione's disgust at the reception for the veela (Bulgarian National Team Mascots) at the Quidditch World Cup. Rowling's fourth book addresses issues about growing up--the dynamic between the boys and girls at Hogwarts starts to change. Nowhere is this more plain than the hilarious scene in which magical cheerleaders nearly convince Harry and Ron to jump from the stands to impress them. * Viktor Krum's crush on Hermione--and Ron's objection to it. * Malfoy's "Potter Stinks" badge. * Hermione's creation of S.P.E.W., the intolerant bigotry of the Death Eaters, and the danger of the Triwizard Tournament. Add in the changing dynamics between girls and boys at Hogwarts, and suddenly Rowling's fourth book has a weight and seriousness not as present in early books in the series. Candy and tickle spells are left behind as the students tackle darker, more serious issues and take on larger responsibilities, including the knowledge of illegal curses.Harry Potter and the Order of the Phoenix* Harry's outburst to his friends at No. 12 Grimmauld Place. A combination of frustration over being kept in the dark and fear that he will be expelled fuels much of Harry's anger, and it all comes out at once, directly aimed at Ron and Hermione. Rowling perfectly portrays Harry's frustration at being too old to shirk responsibility, but too young to be accepted as part of the fight that he knows is coming. * Harry's detention with Professor Umbridge. Rowling shows her darker side, leading readers to believe that Hogwarts is no longer a safe haven for young wizards. Dolores represents a bureaucratic tyrant capable of real evil, and Harry is forced to endure their private battle of wills alone. * Harry and Cho's painfully awkward interactions. Rowling clearly remembers what it was like to be a teenager. * Harry's Occlumency lessons with Snape. * Dumbledore's confession to Harry.Harry Potter and the Half-Blood Prince* The introduction of the Horcrux. * Molly Weasley asking Arthur Weasley about his "dearest ambition." Rowling has always been great at revealing little intriguing bits about her characters at a time, and Arthur’s answer "to find out how airplanes stay up" reminds us about his obsession with Muggles.* Harry's private lessons with Dumbledore, and more time spent with the fascinating and dangerous pensieve, arguably one of Rowling’s most ingenious inventions.* Fred and George Weasley’s Joke Shop, and the slogan: "Why Are You Worrying About You-Know-Who? You Should Be Worrying About U-NO-POO--the Constipation Sensation That's Gripping the Nation!"* Luna's Quidditch commentary. Rowling created scores of Luna Lovegood fans with hilarious and bizarre commentary from the most unlikely Quidditch commentator.* The effects of Felix Felicis.Magic, Mystery, and Mayhem: A Conversation with J.K. Rowling "I am an extraordinarily lucky person, doing what I love best in the world. I’m sure that I will always be a writer. It was wonderful enough just to be published. The greatest reward is the enthusiasm of the readers." --J.K. RowlingFind out more about Harry's creator in our exclusive interview with J.K. Rowling.